04 ตุลาคม, 2554

เทียนซ้ง

ร้านเป็ดย่างอบน้ำผึ้งในตำนาน ที่เรียกว่าในตำนานเพราะว่าเป็นร้านดั้งเดิมที่สมัยป๊ากับม้ามาสวีทกันที่นี่ ซึ่งนั่นก็นานพอดู และประวัติอันยาวนานกว่า 60 ปีของร้านเทียนซ้งนี้ก็คงทำให้บรรดานักชิมทั้งหลายต่างรู้จักและคงไม่ต้องสาธยายถึงกรรมวิธีในการปรุงแต่งให้เหนื่อยแต่อย่างใด

แม้ว่าในละแวกนี้ “ถนนดินสอ”มีร้านอาหารมากมายให้ได้ลิ้มลอง แต่เป็ดย่างหนังกรอบเนื้อนุ่ม รสชาติกลมกล่อมของร้านเทียนซ้งก็ดักสกัดดาวรุ่งร้านอื่นๆได้เกือบทุกครั้ง นอกจากเมนูข้าวหน้าเป็ดที่ขึ้นชื่อ ยังมีเมนูแนะนำอีกหลายอย่าง เช่น หมูแดง-หมูกรอบ บะหมี่เป็ด หมูสะเต๊ะ และติ่มซำ ยังไม่เคยลองอาหารตามสั่งที่แปะไว้ตามข้างผนังเลยซักครั้ง เพราะแค่เมนูที่ทางร้านแนะนำก็ทำเอาพุงกาง กระดุมปริจนเกือบจะกระเด็นหลุดออกมาอยู่แล้ว

สเน่ห์ของทางร้านนี้ก็คือ ไม่ว่าจะผ่านไปนานซักกี่ปี บรรยากาศภายในร้านยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะมีการปรับปรุงให้ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนบ้าง แต่อารมณ์โดยรวมภายในร้านก็ยังคงฉาบไปด้วยความหลังและอดีต สำหรับหนุ่ม-สาวสมัยใหม่ (ซึ่งก็หมายรวมถึงเราด้วยนี่แหละ) มักจะนิยมไปแสวงหาร้าน อาหารใหม่ๆ สไตล์ฟิวชั่น จนบ้างครั้งร้านธรรมดาๆที่เปิดมาตั้งแต่สมัย อากง-อาม่า ยังสาว กลับถูกหลงลืม อยากให้ย้อนกลับมาหาอะไรในความเก่าแก่ของอดีตกันบ้าง เพราะอย่างน้อยความอร่อยก็พิสูจน์ได้จากความเก๋าประสบการณ์ที่ยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้  ^___^


23 กันยายน, 2554

เทศกาลสาร์ทเดือนสิบ

เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วซะเหลือเกิน 1 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก จำได้ว่าไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ เทศกาลสาร์ทเดือนสิบ มาเมื่อปีที่แล้วและยังไม่ทันได้โพสภาพที่ไปรีวิวมา กลับมาดูปฎิทินอีกที เฮ้ย!!! ปีนึงแล้วหรือนี่ แอบดูสมุดโน๊ตที่จดรวบรวมทริปต่างๆ ในปีที่ผ่านมา ที่กำลังทยอยเขียนและอัพเดทภาพ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด 13 ทริปพอดิบพอดี ถ้าเปรียบ Blog เป็นอาหารแล้วล่ะก็ป่านนี้คงดองเค็มจนเปรี้ยวไปแล้วแน่นอน 555
ความสดใหม่ของการเขียน Blog ย้อนเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นเวลา 1 ปีไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องยาก ที่ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนั้นเพราะว่าใครจะไปจดจำรายละเอียดที่ผ่านมาได้ทั้งหมดในคืนเดียวเล่า มันยากพอๆ กันกับ เวลาคุณลืมของที่คุณต้องการหานั่นแหละ แต่ต้องขอบคุณกล้อง DSLR คู่ใจ ที่ช่วยทำการบันทึกความทรงจำเกือบทั้งหมด 100% เอาไว้ให้ เลยทำให้การเขียน Blog ย้อนหลังไม่ใช่เรื่องยาก เปรียบเสมือนคนแก่ที่ชอบเอารูปเก่าๆ มานั่งเล่าใหม่ ทีละใบ...ทีละใบ ครั้งนี้ก็เช่นกันกับงานเทศการสาร์ทเดือนสิบและอีก 13 ทริปที่ว่า (ต้องรอดูกันต่อไปว่าเวลาจะเอื้ออำนวยต่อการเขียน Blog หรือไม่) และทริปใหม่ที่กำลังจะเดินทางมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอีกยาวเป็นหางว่าว กำลังเตือนตัวเองว่า รีบปั่น Blog ให้มันจบไวๆ หรือเที่ยวทั่วไทยให้มันน้อยลงกว่านี้ดี >”<

ในทุกๆ ปี สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องมางานนี้ให้ได้ทุกครั้ง เพราะความหลากหลายของอาหารที่หากินได้ยาก และความอร่อย เผ็ด เข้ม สะใจสไตล์คนใต้อีกเช่นกันเป็นตัวกระตุ้นให้คนที่ได้มางานนี้ติดอกติดใจและเหมือนต้องมนต์ที่ต้องมาทุกครั้ง ทั้งไตปลาคั่วกลิ้ง แกงเนื้อ ขนมจีนป่า และจำปาดะ เป็นเมนูยอดฮิตไม่ต่างจากหมูย่างเมืองตรัง ถั่วหรั่ง สะตอและหนางวัว มีเมนูท้องถิ่นอาหารคาว-หวาน ที่ไม่รู้จักชื่ออีกมากมาย
คนใต้ใจดี ไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด หลังจากที่พยายามเก็บภาพบรรยากาศในงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และคนขายแถวนั้นก็พากันเข้าใจผิด คิดว่าเราเป็นตากล้องพวกทำหนังสือแนะนำร้านอาหารตาม Magazine ต่างๆ ด้วยความที่ถ่ายรูปแบบชัตเตอร์รัว มุมนู้นนี่นั่นตลอดเวลา ยิ่งกว่าถ่ายทำสารคดีตามติดชีวิตแม่ค้าเสียอีก

หนูๆ ถ่ายร้านป้าด้วยสิ ประโยคฮิตในเวลานั้นเลยทีเดียว พร้อมต่างพากันให้ชิมนู้นนี่นั่น อืม...มมมม...ม แอบคิด มาถ่ายทำร้านอาหารมันก็ดีเหมือนกันนะ ได้ชิมอาหารเกือบทุกร้านเลยแฮะ (นั่นเป็นเรื่องราวของเมื่อปีที่แล้ว มาในปีนี้ร้านหมูย่างเมืองตรัง ป้ากุ้ง คนที่เราถ่ายรูปร้านเค้าเอาไปทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารเมื่อปีก่อน--- แกจำเราได้ด้วย --- แอบดีใจที่แกจำเราได้แต่ก็โดนค่าหมูย่างมาอีก 1 กล่องติดไม้ติดมือกลับมาบ้านอย่างสบายใจ ก็ช่วยอุดหนุนในฐานะจากคนแปลกหน้ามาเป็นคนรู้จัก)
ร้านแนะนำสำหรับคนที่ยังไม่เคยเดินที่สมาคมชาวปักษ์ใต้และไม่รู้ว่าควรจะแวะร้านไหนดี ซึ่งร้านค้าที่อยู่ภายในสมาคมจะเป็นร้านชื่อเดิมและตั้งตำแหน่งเดิมในทุกๆ ครั้ง ไม่ต้องกลัวหลงทางหรือหาร้านไม่เจอ (ถ้าเคยมาแล้ว) ร้านอาหารชาวปักษ์ใต้ที่จะแนะนำคือ ร้านป้าสวย อาหารปักษ์ใต้ รสชาติเข้มข้นของแกงเนื้อและแกงเผ็ดต่างๆ ข้นจนต้องหาแก้วน้ำ เตรียมไว้ข้างๆ เลยทีเดียว (แต่ด้วยความอร่อย เชื่อว่ายังไงซะก็ต้องกินหมดจานอย่างแน่นอน...กินเหลือก็เสียของนะนั่น)

ถ้าเป็นคนโปรดปรานอาหารรสจัดแบบเข้มข้นเผ็ดซ่านสไตล์คนใต้แล้วล่ะก็ รับรองไม่ผิดหวังจากการมาฝากท้องที่สมาคมแห่งนี้แน่นอน แม้การจัดงานใน 1 ปี จะมีแค่ 1 อาทิตย์ และใน 1 อาทิตย์อาจมาได้แค่เพียง 1 วัน แต่เชื่อว่าหลายคนที่ต่างเฝ้ารออาหารแปลกๆ และหากินได้ยากเหล่านี้ คงจะมาที่นี่ทุกครั้ง...เหมือนเรานี่ไง อย่างน้อยก็ 1 คน

ป.ล. การพัฒนาต่อมรับรสทางลิ้นของคนเรา มันก็มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ไวมาก จำได้ว่าปีที่แล้วยังกินอะไรได้ไม่เท่าไร ปีนี้ซัดเรียบแบบไม่แตะแก้วน้ำที่วางด้านข้างได้....เก่งมากทาเคชิ!!!

ขอจบทริปนี้แบบมีสาระหน่อยละกัน

ประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นงานบุญประเพณีของคนภาคใต้ ของประเทศไทย โดยเฉพาะชาวนครศรีธรรมราช ที่ได้รับอิทธิพลด้านความเชื่อซึ่งมาจากทางศาสนาพราหมณ์โดยมีการผสมผสานกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเข้ามาในภายหลัง โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของบรรพชนและญาติที่ล่วงลับ ซึ่งได้รับการปล่อยตัวมาจากนรกที่ตนต้องจองจำอยู่เนื่องจากผลกรรมที่ตนได้เคยทำไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยจะเริ่มปล่อยตัวจากนรกในทุกวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 เพื่อมายังโลกมนุษย์โดยมีจุดประสงค์ในการมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้อง ที่ได้เตรียมการอุทิศไว้ให้เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ล่วงลับ หลังจากนั้นก็จะกลับไปยังนรก ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10
ช่วงระยะเวลาในการประกอบพิธีกรรมของประเพณีสารทเดือนสิบจะมีขึ้นในวันแรม 1 ค่ำถึงแรม 15 ค่ำเดือนสิบของทุกปีแต่สำหรับวันที่ชาวใต้มักจะ นิยมทำบุญกันมากคือวันแรม 13-15 ค่ำ ประเพณีวันสารทเดือนสิบโดยในส่วนใหญ่แล้วจะตรงกับเดือนกันยายน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : วิกิพีเดีย



ดูรูปภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่
http://warawan.multiply.com/photos/album/17/17